Thursday, 23 March 2023

กลุ่ม LGBT และผู้หญิงเรียกร้องให้ขจัดปัญหากีดกันทางเพศในกาตาร์

ฟุตบอลโลก การ์ต้า ในเวลาที่ กาตาร์ กำลัง รับหน้าที่ ผู้จัดงานจัดแจงแข่งขันฟุตบอลโลกที่จะเปิดฉากขึ้นวันที่ 20 เดือนพฤศจิกายนนี้ ใจความสำคัญ ด้าน สิทธิมนุษยชน ใน ประเทศ ก็ กำลัง ได้รับ ความสนใจ ชาวกาตาร์ 2 คนเล่าให้บีบีซีฟังว่าข้อบังคับศาสนาที่เคร่งครัดของกาตาร์ส่งผลกระทบต่อ ชีวิต ประจำวัน ของพวกเขาเช่นไรใน ฐานะ บุคคล ผู้มีความมากมายหลากหลายทางเพศ (LGBT) รวมทั้งหญิง

อาซิสขยับตัวไปมาด้วยความขวยเขินในเวลาที่สนทนาทาง ออนไลน์ จาก กรุงโดฮา กับ ทีม ข่าวบีบีซี เขาต้องการออกมากล่าวกับสื่อ แต่ว่าก็แจ่มแจ้งว่าเขาต้องใช้ความกล้าหาญชาญชัยเป็นอย่างมาก รวมทั้งมีท่าทีเคร่งขรึมตลอดการสนทนา

“ผม อยากให้ การ มี ชีวิต อย่าง ผม ไม่เป็น เรื่องผิด กฎหมาย ใน ประเทศ ของผม” อาซิส พูด ด้วย น้ำเสียง ทุ้มต่ำ “ผม อยาก ให้ มี การปฏิรูป ที่ ระบุว่า ผม สามารถ เป็น เกย์ ได้ โดย ไม่ต้อง กังวล ว่าจะ ถูกฆ่า “

อาซิส เล่าว่า ความกลุ้มใจที่เขาต้องพบเจออยู่ทุกวันมาจากการถูกจับจ้องอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งครั้งคราวการพลั้งปากพูดบางสิ่งบางอย่างกับคนผิดคนก็อาจก่อให้เกิดการถูกจับกุมตัว หรือถูกทำร้ายโทษฐานเป็นเกย์

“ความแตกต่างระหว่างการอยู่ในกาตาร์กับนอก กาตาร์ คือ ในเมืองนอกกฎหมายจะเข้าข้างคุณ” เขาเล่า

“ถ้าใครทำร้ายคุณ คุณสามารถไปที่สถานีตำรวจ และจะได้รับการคุ้มครอง แต่ที่ประเทศนี้ หากเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมอาจตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นหากไปหาตำรวจ”

ใน รายงาน ที่ ออกมา เมื่อเดือนที่ผ่านมาขององค์กร เพื่อ สิทธิ มนุษยชน ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวว่า กรุ๊ป LGBT ในกาตาร์ตกเป็นเป้าการควบคุมขังตามใจชอบของข้าราชการฝ่ายความมั่นคง และก็ต้องพบเจอการคุกคามทั้งทางถ้อยคำรวมทั้งทางกาย

LGBT ฟุตบอลโลก สิทธิสตรี

ฟุตบอลโลก การ์ต้า 2022  กลุ่ม LGBT และผู้หญิงเรียกร้องให้ขจัดปัญหากีดกันทางเพศในกาตาร์

ด้วยเหตุผลดังกล่าว การเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมฟุตบอลโลกก็เลยทำให้กาตาร์ถูกสื่อตะวันตกตรวจทานอย่างใกล้ชิดถึงประเด็นสิทธิมนุษยชนของกลุ่ม LGBT

ถึงแม้ฟุตบอลโลกจะช่วยให้เรื่องนี้ได้รับความสนใจจากนานาประเทศ แต่ว่าอาซิสชี้ว่ามันยังส่งผลให้กลุ่มผู้มีความมากมายหลากหลายทางเพศในกาตาร์มีการเสี่ยงมากยิ่งขึ้น

เขาเล่าว่า “ตอนนี้ผมเห็นคนพูดต่อต้านชาว LGBT ทางออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยบอกว่าพวกเราน่ารังเกียจและขัดต่อหลักศาสนา”

นอกเหนือจากนั้นเขายังคิดว่า การสนทนาเรื่องนี้ยังถูกเอ๋ยถึงในทางไม่ดีในต่างประเทศด้วย

“พวกเขาถามว่า ‘พวกเราจะปลอดภัยไหมถ้าไปกาตาร์แล้วเป็นตัวของตัวเองโดยที่ไม่ถูกจับ หรือดำเนินคดีตามกฎหมายกาตาร์’ แต่พวกเขาไม่ได้เป็นห่วงพวกเราเลย และกฎหมายพวกนี้จะอันตรายกับพวกเราแค่ไหน”

ทางการกาตาร์ย้ำว่า เปิดรับแฟนบอลทุกคนในตอนการแข่งขันฟุตบอลโลก แต่พวกเขาก็ควรต้องแสดงความนับถือและวัฒนธรรมของกาตาร์ด้วย

อาซิส เกรงว่าความเสร็จของมหกรรมฟุตบอลโลกคราวนี้จะนำเสนอภาพของประเทศสุดที่รักความเพลิดเพลิน รวมทั้งทำให้ไม่กำเนิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในกาตาร์

ในสหราชอาณาจักร บีบีซีได้สนทนากับ เซนับ (นามสมมุติ) ซึ่งแม้ว่าจะอาศัยอยู่ที่นี่แล้ว แต่ว่าเธอก็หนักใจว่าการเปิดเผยตัวตนสำหรับการให้สัมภาษณ์คราวนี้จะส่งผลกระทบต่อครอบครัวของเธอที่อยู่ในกาตาร์

เธอกล่าวว่าแนวคิดอนุรักษนิยมทางศาสนาที่อยู่ในข้อบังคับกาตาร์ส่งผลเสียต่อสุขภาพด้านจิตของเธอ ถึงกับขนาดที่ทำให้เธอเคยพยายามฆ่าตัวตาย

เซนับอธิบายว่า ระบบที่หญิงต้องมีผู้ปกครองชายนั้น ทำให้หญิงเป็นเด็กไปตลอดชีวิต

“การจะตัดสินเรื่องสำคัญในชีวิต คุณจะต้องได้รับหนังสืออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ปกครองชาย ซึ่งปกติมักเป็นพ่อ แต่หากพ่อเสียชีวิตไปแล้ว ก็จะเป็นลุง พี่ชายน้องชาย และปู่หรือตา”

“ถ้าคุณไม่ได้รับอนุญาตก็จะไม่สามารถตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ไปศึกษาในต่างแดน เดินทาง แต่งงาน หรือหย่าร้าง”

ฟุตบอลโลก การ์ต้า

เธอเล่าว่าการมีพ่อหัวอนุรักษนิยมทำให้เธอไม่สามารถที่จะดำรงชีพอย่างที่อยากได้

เธอไม่ต้องการให้บีบีซีเปิดเผยเนื้อหาถึงเรื่องที่ได้ประสบมา เนื่องจากไม่อยากที่จะให้ผู้ใดกันแน่รู้ดีว่าเธอเป็นผู้ใดกันแน่ ซึ่งจะสร้างปัญหาให้ครอบครัวของเธอ

เซนับกล่าวว่า ระบบนี้ทำให้หญิงต้องทนทุกข์ทรมานจากการควบคุมบังคับของคนที่อาศัยอยู่ภายในครอบครัว รวมทั้งข้อบังคับที่เคร่งครัดของกาตาร์ก็ทำให้กลุ่มผู้มีแนวคิดอนุรักษนิยมพอใจ

“พวกเขาเชื่อว่าแนวคิดเรื่องสิทธิสตรีเป็นแนวคิดตะวันตก และขัดต่อค่านิยม วัฒนธรรม และธรรมเนียมของอิสลาม”

ข้าราชการกาตาร์ผู้ ทำงาน ในมหกรรมฟุตบอลโลกคราวนี้กล่าวว่า เสียง วิพากษ์วิจารณ์ ต่อกาตาร์มีต้นเหตุมาจากการได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องรวมทั้งเพียงพอ

แนวคิดดังที่กล่าวมาข้างต้นสะท้อนจากปากของนิสิตหญิง คนหนึ่ง ที่ ชื่อ โมเซลลา ซึ่งบอกว่า “เราไม่มีความจำเป็นต้องให้ องค์กร ตะวันตก มาที่นี่ เพื่อ กล่าวว่าเราควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไรบ้าง”

“นี่คือ ประเทศ ของเรา เรา ต้อง ได้รับ โอกาส ในการ พัฒนา ตาม แนวทาง ที่เรา เห็นว่า เหมาะสม ไม่ใช่ แนวทาง ที่ ผู้อื่น สั่งมา”

อย่างไรก็แล้วแต่ เสียงคนกาตาร์ที่วิภาควิจารณ์ประเทศตัวเองนั้นถูกเซ็นเซอร์อย่างหนัก รวมทั้งอย่างที่เราเห็นในบทสัมภาษณ์นี้ว่าผู้ที่ออกมาวิจารณ์กาตาร์ต่างกลัวถึงผลพวงที่จะเกิดขึ้นกับตน แม้ว่าจะเป็นการเอ่ยถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนเบื้องต้นที่พวกเขาควรมีก็ตาม

รายงานเพิ่มเติมอีกโดย แฮร์รี ฟาร์ลีย์

ขอขอบคุณสำนักข่าว BBC