ศึกฟุตบอลโลก 2022 FIFA WORLD CUP ที่ประเทศกาตาร์ ได้บทสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยทัพฟ้าขาว อาร์เจนตินา ผงาดคว้าแชมป์โลกเป็นยุคที่ 3 ได้อย่างมากใหญ่ หลังเป็นฝ่ายดวลจุดลูกโทษเอาชนะแชมป์เก่า ฝรั่งเศส 4-2 โดยที่ 120 นาทีเสมอกันไปอย่างสุดมันส์ 3-3
ศึกฟุตบอลโลก 2022 FIFA WORLD CUP ที่ประเทศกาตาร์ ได้ผลสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยทัพฟ้าขาว อาร์เจนตินา ผงาดครองแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 3 ได้อย่างมากใหญ่ หลังเป็นฝ่ายดวลจุดโทษเอาชนะแชมป์เก่า ฝรั่งเศส 4-2 โดยที่ 120 นาทีเท่ากันไปอย่างสุดมันส์ 3-3 ซึ่งกูรูและแฟนบอลเสียงส่วนมากต่างยกให้แมตช์นี้เป็นแมตช์นัดชิงชนะเลิศที่มีอัตราความเมามันส์ครบรสชาติมากมายที่สุดในประวัติศาสตร์เวิลด์คัพกันเลยทีเดียว
สถิติ รางวัลต่างๆในศึกฟุตบอลโลก 2022 FIFA WORLD CUP
– ศึก ฟุตบอลโลก 2022 มีการเก็บสถิติซึ่งครั้งนี้มีการทำแต้มกันทั้งหมดทั้งปวง 172 ประตูจาก 64 แมตช์ ซึ่งมากที่สุดเป็นสถิติใหม่ของศึกเวิลด์คัพ คิดเป็น 2.69 ประตูต่อเกม ทำลายสถิติจากเมื่อฟุตบอลโลก 1998 และ 2014 ที่มีการถล่มตาข่ายรวม 171 ประตูเสมอกัน
– อาร์เจนตินา ครอบครองแชมป์โลกยุคที่ 3 ในรอบ 36 ปี หลังครั้งสุดท้ายที่เคยทำได้ในปี 1986 นับเป็นการรอแชมป์ที่นานที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก อิตาลี ที่รอคอยโทรฟี่เวิลด์คัพยาวนานที่สุดถึง 44 ปีตั้งแต่ปี 1938 ถึง 1982
– อาร์เจนตินา เป็นทีมที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่แพ้เกมแรกแล้วสามารถทะลุเข้าไปครอบครองแชมป์โลกได้สำเร็จ ต่อจาก ประเทศสเปน ที่เคยทำได้เมื่อปี 2010 ซึ่งทัพฟ้าขาวเปิดหัวด้วยการพ่ายแพ้ ซาอุดีอาระเบีย อย่างช็อกโลก 1-2 ก่อนจะเริ่มทำฟอร์มจนฝ่าด่านเข้ามาเป็นแชมป์โลกได้ในที่สุด
ลีโอเนล เมสซี่
- ครอบครองรางวัลโกลเด้น บอล หรือ นักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ และเป็นนักเตะเพียงผู้เดียวที่ได้รางวัลนี้ 2 ครั้ง หลังเคยได้รางวัลนี้ในฟุตบอลโลก 2014
- เมสซี่ ยังเป็นแข้งคนแรกที่ยิงประตูได้ในทุกรอบของฟุตบอลโลก นับตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มจนถึงมาถึงรอบชิงแชมป์ และสามารถเอารางวัลแมนออฟเดอะแมตช์ (ผู้เล่นยอดเยี่ยมในแมตช์นั้นๆ) ได้ถึง 5 เกมจากฟุตบอลโลกครั้งเดียว
- เมสซี่ แปลงเป็นนักเตะที่ลงสนามในฟุตบอลโลกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 26 นัดแซงหน้าเจ้าของสถิติเดิมอย่าง โลธาร์ มัทเธอุส ของเยอรมนีที่เล่นไป 25 นัด
รางวัลฟุตบอลโลก 2022
- แชมป์ : อาร์เจนตินา
- รองแชมป์ : ฝรั่งเศส
- อันดับ 3 : โครเอเชีย
- อันดับ 4 : โมร็อกโก
- รางวัลโกลเด้น บอล หรือ นักเตะยอดเยี่ยม : ลีโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนตินา)
- รางวัล โกลเด้น บู้ท หรือ ดาวซัลโว : คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (ฝรั่งเศส) 8 ประตู
- รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยม : เอ็นโซ เฟร์นานเดซ (อาร์เจนตินา)
- รางวัลโกลเด้น โกลฟ หรือ ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม : เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ (อาร์เจนตินา)
- แฟร์เพลย์ : ทีมชาติอังกฤษ (โดนใบเหลืองแค่ใบเดียวตลอดทัวร์นาเมนต์)
โมเมนต์สำคัญๆFIFA WORLD CUP
- เจ้าภาพ กาตาร์ เปลี่ยนเป็นชาติแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก ที่ไม่เข้ารอบเร็วที่สุดหลังผ่านไปเพียงแค่ 2 เกมเพียงแค่นั้น โดยเริ่มจากแพ้ เอกวาดอร์ ในนัดเปิดสนาม 0-2 หลังจากนั้นก็ปราชัยต่อ เซเนกัล 1-3 ต้องไม่เข้ารอบแบ่งกลุ่มไปอย่างหมดลุ้นตั้งแต่ไก่โห่ แถมนัดสุดท้ายก็ยังแพ้ต่อ เนเธอร์แลนด์ อีก 0-2 ทำให้ กาตาร์ จบฟุตบอลโลกที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพโดยที่ไม่มีแต้มถึงแม้แต่คะแนนเดียว
- ญี่ปุ่น อีกหนึ่งผู้แทนจากทวีปเอเชีย ที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเกินคาด หลังโดนจับสลากมาร่วมกลุ่มทีมเต็งทั้ง เยอรมนี และ สเปน แต่ทัพซามูไรบลูส์กลับสร้างเซอร์ไพรส์คว้าชัยชนะกลุ่มนี้ไปครองอย่างสง่าผ่าเผย ด้วยการเอาชนะทั้ง เยอรมนี และ สเปน ได้ พร้อมด้วยส่งอดีตแชมป์โลก 4 สมัยอย่าง เยอรมนี กลับบ้านตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม อย่างไรก็ตามรอบ 16 ทีมสุดท้าย พวกเขาไปแพ้ลูกเก๋าของ โครเอเชีย ซึ่งถึงแม้ ประเทศญี่ปุ่น จะขึ้นนำก่อน แต่ทีมตราหมากรุกก็ไมาได้ประตูตีเสมอก่อนลากพาไปดวลจุดโทษ และส่ง ญี่ปุ่น กลับไปอยู่บ้านในรอบนี้
- เกาหลีใต้ ที่ฟื้นขึ้นมาจากหลุม ที่ก่อนแข่งขันนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ทัพโสมขาวเกือบจะตกรอบไปแล้วเกินครึ่งตัว เพราะว่านอกเหนือจากจำเป็นต้องเอาชนะทีมเข้มแข็งอย่าง โปรตุเกส แล้วต้องลุ้นให้ผลอีกคู่ระหว่าง อุรุกวัย vs กานา เป็นใจด้วย แต่สุดท้ายแล้วเหมือนเขียนบทให้ เกาหลีใต้ หลังได้ประตูชัยในช่วงทดเวลานาทีสุดท้าย เฉือน โปรตุเกส 2-1 และผลอีกคู่ อุรุกวัย ชนะ กานา ได้ ทำให้ ประเทศเกาหลีใต้ แซงเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่มชนิดวินาทีสุดท้ายจริงๆสุดท้ายในรอบ 16 ทีม พวกเขาจะแพ้ทีมเต็ง 1 อย่าง บราซิล จอดป้ายไว้เพียงแค่รอบนี้
- บราซิล ไปไม่ถึงฝั่งฝัน ทัพแซมบ้า ในฐานะเต็ง 1 ฟุตบอลโลกครั้งนี้ที่อุดมไปด้วยซุปเปอร์สตาร์เต็มทีม แต่ควรจะมีอันกระเด็นตกรอบเร็วกว่าที่คาดไว้ ซึ่งในรอบ 8 ทีมสุดท้าย บราซิล ดวลกับ โครเอเชีย แม้ว่า 90 นาทียังเท่ากัน 0-0 แต่ช่วงทดเวลา บราซิล นั้นเหนือกว่าทุกเหลี่ยมมุม และมาได้ประตูนำ 1-0 จากเนย์มาร์ ซึ่งเกมราวกับจะจบลงที่นี้ แต่ด้วยความประมาท โครเอเชีย ตีเสมอได้ก่อนหมดเวลา 1-1 ก่อนลาก บราซิล ไปดวลเป้า สุดท้ายเป็น โครเอเชีย ที่เขี่ยเต็ง 1 ตกรอบ ทำเอาคน บราซิล ทั่วทั้งประเทศน้ำตาตก
- ฟุตบอลโลก ครั้งสุดท้ายที่ไม่น่าจำของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โปรตุเกส เข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่ซีอาร์เซเว่น เริ่มตกเป็นผู้เล่นสำรองในรอบน็อกเอาท์ แถมคนที่ลงมาแทนอย่าง กอนซาโล่ รามอส กลับตะบันแฮตทริกได้ และพาทีมถล่ม สวิตเซอร์แลนด์ 6-1 จนถึงรอบควอเตอร์ไฟน่อลที่ทัพฝอยทองโคจรมาเจอกับ โมร็อกโก เกมนี้ โรนัลโด้ ลงมาในฐานะผู้เล่นสำรอง แต่สุดท้ายไม่อาจจะช่วยทีมให้รอดพ้นจากความปราชัยได้ โปรตุเกส จอดป้ายแค่เพียงรอบนี้ และคาดว่าอาจจะเป็นเวิลด์คัพครั้งสุดท้ายของเจ้าตัวแล้วด้วย
- โมร็อกโก ม้ามืดประวัติศาสตร์ ที่คว้าอันดับ 4 ฟุตบอลโลกครั้งนี้ และกลายเป็นทีมจากทวีปแอฟริกาทีมแรกที่สร้างประวัติศาสต์ทะลุไปสู่รอบรองชนะเลิศเวิลด์คัพ แม้นัดชิงที่ 3 จะแพ้ต่อ โครเอเชีย แต่ผลงานอันดับที่ 4 ของทีมสิงโตแอตลาสนั้น ก็จะต้องพูดว่ามาไกลจากที่ตั้งเป้าไว้มากแล้ว